วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กลุ่มคริสตชนที่ริเริ่มโดย คุณพ่อตรีเกรอัต....
จุดประสงค์หลัก
งานดูแลและอภิบาลสัตบุรุษภายในเขตแพร่ธรรม เกี่ยวกับการทำพิธีกรรม,ศีลศักดิ์สิทธิ์,งานคำสอนและแพร่ธรรมกับชาวบ้านในหมู่บ้านต่างๆ และความช่วยเหลืออื่น ๆ ตามความเหมาะสม
งานสงเคราะห์ โดยเน้นการให้ความช่วยเหลือทางด้านการศึกษาแก่เด็กชาวเขาและเด็กด้อยโอกาส ให้มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
งานด้านการช่วยเหลือผู้อพยพลี้ภัยจากประเทศพม่า ภายในศูนย์อพยพและบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง
ข้อมูลทั่วไป
จำนวนพระสงฆ์/priest ทั้งสิ้น 1 คน
จำนวนนักบวชหญิง /female religious ทั้งสิ้น 2 คน
จำนวนนักบวชชาย /Male religious ทั้งสิ้น - คน
จำนวนสัตบุรุษคาทอลิก/catholic population ทั้งสิ้น 1,030 คน
(ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551/ data on 31th , December 2008)
หมู่บ้านคาทอลิกในเขต/Village ทั้งสิ้น 10 หมู่บ้าน
ครูคำสอน/ Cathecist ทั้งสิ้น 5 คน
ครูในโรงเรียน/Teacher in school ทั้งสิ้น 20 คน
วัดคาทอลิก จำนวน 5 วัด ได้แก่ Catholic church
ที่
ชื่อวัด/Church
เขตบริการ/area
ผู้รับผิดชอบ/responsible person
1
วัดพระมารดา /Pramanda catholic church
ช่องแคบ
Chongkhape
คุณพ่อพรชัย วิลาลัย
และหัวหน้าคริสตังค์
2
วัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด St.Mary of Lurde
หมู่บ้านห้วยน้ำนัก
Huay Nam nak
คุณพ่อพรชัย วิลาลัยและหัวหน้าคริสตัง
3
วัดพระตรีเอกภาพ
Trinity church
Umpium
refugee camp
คุณพ่อพอล ทาร์ซาน
และครูคำสอน คุณยูจิ
4
St.Mary of Lurde catholic church
Umpium
refugee camp
คุณพ่อพอล ทาร์ซาน
และครูคำสอนคุณมารี
5
St.Paul catholic church
Nu pho
refugee camp
คุณพ่อพอล ทาร์ซาน
และครูคำสอน
กลุ่มคริสตชน จำนวน 6 กลุ่ม, Catholic Communities in this area.
ที่
ชื่อกลุ่มคริสตชน/Name
สถานที่ตั้ง/Location
ผู้รับผิดชอบ/
Responsible person
1
ชอระแตะ Soratae
อ.พบพระ จ.ตาก Phoppra,Tak
คุณพ่อพรชัย วิลาลัย
และหัวหน้าคริสตังค์
2
มอเกอร์ Morger
อ.พบพระ จ.ตาก Phoppra,Tak
คุณพ่อพรชัย วิลาลัย
และหัวหน้าคริสตังค์
3
ผากะเจ้อ Phakager
อ.พบพระ จ.ตาก Phoppra,Tak
คุณพ่อพรชัย วิลาลัย
และหัวหน้าคริสตังค์
4
หมื่นฤาชัย Muan leu chai
อ.พบพระ จ.ตาก Phoppra,Tak
คุณพ่อพรชัย วิลาลัย
และหัวหน้าคริสตังค์
5
โกช่วย Kochuay
อ.แม่สอด จ.ตาก Mae Sot,Tak
คุณพ่อพรชัย วิลาลัย
และหัวหน้าคริสตังค์
6
ห้วยน้ำขุ่น Huay Nam Khun
อ.แม่สอด จ.ตาก Mae Sot , Tak
คุณพ่อพรชัย วิลาลัย
และหัวหน้าคริสตังค์
องค์กร จำนวน 1 องค์กร คือ มูลนิธิปรีชาญาณ เพื่อสงเคราะห์เด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาส / 1 organization for the poor childrens and youths. Name Prechayan foundation.
โรงเรียน จำนวน 2 โรง คือ โรงเรียนปรีชาญาณศึกษา พบพระ และ โรงเรียนอนุบาลสิริโรจนา / 2 schools for Migrant and poor childrens , Prechayan suksa and Sirirojana kindergarden center in Phoppra.
ศูนย์การเรียนรู้ จำนวน 1 ศูนย์การเรียน คือ ศูนย์การเรียนเซนต์ปีเตอร์ / 1 learning center/ St.Peter learning center.
ค่ายผู้ลี้ภัย จำนวน 2 แห่ง คือ ค่ายอพยพบ้านอุ้มเปี้ยม และ ค่ายอพยพบ้านนุโพ / 2 refugee camps in Umpium and Nu Pho .
โรงเรียนในฝั่งพม่า จำนวน 4 โรง / support 4 learning center schools in Burma side with NCCM of Thailand.
หมู่บ้านขุนห้วยช่องแคบ
บ้านขุนห้วยช่องแคบ หมู่ที่ 3 ตำบลช่องแคบ
1. สภาพทั่วไปของหมู่บ้าน
ประวัติหมู่บ้าน
บ้านขุนห้วยช่องแคบ จัดตั้งขึ้นมีนายบาโดและดิ๊ตุเท่ง ซึ่งเป็นชาวพม่าได้อพยพมาตั้ง ถิ่นฐานในหมู่บ้าน เนื่องจากพื้นที่ในหมู่บ้านเป็นพื้นที่เหมาะแก่การเกษตร จึงมีชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยงได้พากันอพยพมาอาศัยในหมู่บ้าน และได้จัดตั้งเป็นหมู่บ้าน ชื่อว่า บ้านจอแขะ ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้าน บ้านขุนห้วยช่องแคบ ประชากรเป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยงปัจจุบันมีนาย บุญเลิศ พงพนาพาเจริญ เป็นผู้ใหญ่บ้าน
ที่ตั้ง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ของที่ว่าการอำเภอพบพระ ระยะทาง 13 กม.ห่างจากศาลากลางจังหวัดตากเป็นระยะทาง137 กม.
พื้นที่ หมู่บ้านรวม 7,800ไร่ แยกเป็นพื้นที่การเกษตร7,000ไร่พื้นที่สาธารณประโยชน์750ไร่ที่อยู่อาศัย50 ไร่
2. อาณาเขต
ทิศเหนือ จรดบ้านห้วยหมี ตำบล มหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัด ตาก
ทิศใต้ จรด บ้านช่องแคบ หมู่ที่ 1 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก
ทิศตะวันออก จรด บ้านซอโอ หมู่ที่ 2 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก
ทิศตะวันตก จรด บ้านประเทศเพื่อน(พม่า)
3. ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ
เป็นหมู่บ้านที่มีภูเขาล้อมรอบสลับซับซ้อนติดเขตแดนพม่า อยุ่ทางทิศตะวันตะวันตกของอำเภอพบพระมีแม่น้ำเมยไหลผ่านเส้นเขตแดนไทย-พม่าโดยทั่วไปในฤดูหนาวจะมัอากาศเย็นมาก มีหมอกหนาทึบเหมาะกับการเพาะปลูกพืชไร่
จำนวนครัวเรือน ทั้งหมดครัวเรือน ประชากรทั้งหมด399คนแยกเป็น ชาย201คน หญิง198คน (ข้อมูลจาก จปฐ.ปี 2551)และจากข้อมูลทะเบียบราษฎร์ มีครัวเรือน120 ครัวเรือนประชากรทั้งหมด 530 คน แยกเป็น258ชาย คนหญิง272คน
อาชีพและรายได้
อาชีพ ทำนา34 ครัวเรือน อาชีพทำไร่9 ครัวเรือนอาชีพ ค้าขาย 3ครัวเรือน
อาชีพ รับจ้าง4 ครัวเรือน รายได้เฉลี่ยของคนในหมู่บ้าน 23,751บาท/คน/ปีรายได้รวม(GVP) ของหมู่บ้าน(ประมาณ)9,476,700บาทรายจ่ายรวมของหมู่บ้านประมาณ4,704,290บาท
ภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์
การทอผ้ากระเหรี่ยง ทอไว้ใช้เอง
การศึกษา/ศาสนา
นับถือศาสนา พุทธ จำนวน 28 ครัวรือน
ศาสนาคริสต์ จำนวน 20 ครัวเรือน
มีโรงเรียน 1 แห่ง สอนระดับสูงสุด ป.6
จุดด้อย
การติดต่อสื่อสารล่าช้า
อัตลักษณ์ของหมู่บ้าน การแต่งการด้วยผ้าทอกระเหรี่ยง
จุดยืนการพัฒนาหมู่บ้าน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของหมู้บ้าน
ตำแหน่งการพัฒนาอาชีพ การฝึกอาชีพเสริม
วิสัยทัศน์ของหมู่บ้าน หมู่บ้านสะอาด น่าอยู่ อากาศปลอดมลพิษ
ประวัติวัดพระมารดา ขุนห้วยช่องแคบ
วัดพระมารดาและศูนย์พระมารดา
ขุนห้วยช่องแคบ
ประวัติโดยย่อ
วัดพระมารดาและศูนย์พระมารดา ขุนห้วยช่องแคบ ตั้งอยู่เลขที่ 77 หมู่ 3 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ได้ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2514/ค.ศ.1971 โดยคุณพ่อ คุณพ่อกาเบรียล ตีเกรอัต (พ่ออ้วน) ซึ่งในช่วงเวลาแรกเริ่ม ท่านยังคงประจำอยู่ที่วัดนักบุญเทเรซา อำเภอแม่สอด และได้เดินทางมาอภิบาลสัตบุรุษที่บริเวณนี้ จนกระทั่ง คุณพ่อได้ย้ายเข้ามาประจำในเขตช่องแคบ-พบพระ ประวัติศาสตร์การแพร่ธรรมจึงเริ่มต้นขึ้นจากจุดนี้
คุณพ่อตรีเกรอัตได้เริ่มต้นงานอภิบาลกับชาวบ้านในหลายหมู่บ้านด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่งและสิ่งที่เป็นความโดดเด่นก็คือ การที่คุณพ่อได้ดูแลนักเรียนผู้ด้อยโอกาสเป็นจำนวนมากหลายร้อยคน โดยให้พวกเขาได้รับการศึกษา รับการอบรมคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งในจำนวนนี้มีจำนวนไม่น้อยที่ได้ขอรับศีลล้างบาปมาเป็นคริสตชนมาจนถึงทุกวันนี้
คุณพ่อได้ให้ความรัก ความเอาใจใส่ต่อทุกคน และให้ความช่วยเหลือต่อชาวบ้านจนคุณพ่อมีชื่อเสียงในด้านความรักและความเมตตาที่ท่านได้ให้กับชาวบ้านตลอดเวลา หลายๆ ครั้งที่คุณพ่อต้องลำบากออกไปเพื่อช่วยเหลือต่อชาวบ้านที่ยากจน พาไปส่งโรงพยาบาล การแจกจ่ายยารักษาโรค ดูแลชีวิตและช่วยเหลือต่อชาวบ้านอย่างดี
สิ่งที่เป็นคุณธรรมที่โดดเด่นที่เรามักจะได้ยินจากชาวบ้านก็คือ ความใจดีของคุณพ่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด ชาวบ้านจึงรู้สึกรักและผูกพันกับคุณพ่อตรีเกรอัต(พ่ออ้วน) เป็นอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ เป็นที่น่าเสียดายที่คุณพ่ออ้วนได้จากบรรดาสัตบุรุษที่ท่านรักไปเมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2007
จากนั้น คุณพ่อผจญ คีรีอำรุง จึงรับหน้าที่ดูแลแทนในระยะหนึ่ง
ต่อมาใน พ.ศ. 2543 คุณพ่อโอลิเวียร์ โปรดอมม์ ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นผู้รับผิดชอบเขตแพร่ธรรมนี้ จนถึง พ.ศ. 2552 ในระยะเวลาดังกล่าวคุณพ่อได้สร้างหอพักนักเรียนและศูนย์ต่าง ๆ เช่น ศูนย์มารีอา ,ศูนย์ฟรังซิส อ.พบพระ เพื่อเป็นสถานที่ในการช่วยเหลือนักเรียนชาวเขาปกาเกอะญอ,ม้ง ฯลฯ ให้มีโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานในระดับต่างๆ ซึ่งมีตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 6
นอกจากนี้ ยังดำเนินการจัดตั้งมูลนิธิปรีชาญาณ เพื่อสงเคราะห์เด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ขึ้นในปี พ.ศ. 2549 รวมทั้งยังมีการจัดตั้ง โรงเรียนปรีชาญาณศึกษา พบพระ อ.พบพระ และ โรงเรียนสันถวไมตรีศึกษา อ.แม่สอด ซึ่งเป็นโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ ตาม พ.ร.บ. การศึกษาเอกชน พ.ศ. 2550 ขึ้นเป็นแห่งแรกอีกด้วย และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทางหน่วยงานราชการของจังหวัดหลายหน่วยงาน
และในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553/ค.ศ.2010 พระคุณเจ้ายอแซฟ พิบูลย์ วิสิฐนนทชัย พระสังฆราชสังฆมณฑลนครสวรรค์ ได้แต่งตั้ง คุณพ่อพรชัย วิลาลัย พระสงฆ์จากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ (บวช 30 พฤษภาคม 2004) เป็นผู้ดูแลผู้รับผิดชอบเขตแพร่ธรรมนี้ จนถึงปัจจุบัน
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ข้อคิดสะกิดใจ.....อาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา 29.07.55
เด็กชายคนหนึ่งก็ไปเรียนคำสอนที่วัดในวันอาทิตย์ เมื่อเรียนเสร็จแม่ก็ไปรับ ระหว่างทางที่กำลังนั่งในรถนั้นเอง เขาก็บอกแม่ว่า “เรื่องโมเสสและผู้คนที่ข้ามทะเลแดงมีบางสิ่งบางอย่างครับแม่” “ไหนบอกแม่มาซิ”
"เมื่อชาวยิวได้รับอนุญาตให้ออกจากแผ่นดินอียิปต์แล้ว แต่กษัตริย์ฟาโรห์และกองทัพก็ยังไล่ตามพวกชาวยิวไป ชาวยิวก็เลยวิ่งหนีให้เร็วที่สุด จนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทะเลแดง กองทัพของกษัตริย์ก็ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา โมเสสก็เลยใช้วิทยุสื่อสารไปบอกกองทัพอากาศอิสราแอลให้ส่งเครื่องรบมาบอมบ์พวกอียิปต์ และในขณะนั้นเอง กองทัพเรือของอิสราแอลก็สร้างแพเพื่อให้ชาวยิวได้เดินข้ามทะเลแดงไปได้”
แม่ก็ช๊อคไปเลยแล้วจึงถามลูกชายว่า “นี่เขาสอนลูกอย่างนี้หรือ?” "ก็ไม่เชิงครับแม่" ลูกชายตอบ"แต่ถ้าผมเล่าแบบที่เขาเล่ามา แม่ก็ไม่เชื่อผมอยู่ดีนั่นแหละ”
เด็กน้อยคนนี้คิดแบบเด็กๆ และอาจไม่เชื่อในเรื่องอัศจรรย์ใดใดและไม่มีที่ว่างสำหรับความจริงทางจิตวิญญาณ ทางด้านจิตใจ.
ในพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ เรื่องราวของการเลี้ยงคน 5 พันคน น.ยอห์น อ้างถึงชื่อของศิษย์ 2 คนคือ ฟิลิปและอันดรูว์ ศิษย์สองคนนี้สามารถเป็นตัวแทนของ ความเชื่อในสองรูปแบบ
ฟิลิป เป็นตัวแทนของ ความเชื่อแบบจับต้องได้ *อันดรูว์เป็นตัวแทนของความเชื่อแบบเหนือธรรมชาติ ทำให้อันดรูว์มีที่ว่างสำหรับอัศจรรย์ต่างๆและทำให้อัศจรรย์นั้นเป็นไปได้
พระเยซูและบรรดาศิษย์ของพระองค์ได้พบกับปัญหา ฝูงชนจำนวนมากติดตามพระองค์ ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พระเยซูจึงหันไปหาฟิลิปและถามว่า “พวกเราจะไปซื้อขนมปังที่ไหนให้คนเหล่านี้กิน? (John 6:5). เราจึงตั้งคำถามว่า ทำไมพระเยซูจึงหันไปหาฟิลิปและทำไมจึงถามเรื่องการไปซื้อขนมปัง? บางทีพระเยซูอาจรู้ว่า ในจิตใจของฟิลิปนั้น ไม่อาจรับเรื่องที่ว่า จะเลี้ยงคนจำนวนมากมายนั้นได้อย่างไร? ยกเว้นแต่ต้องอาศัยเงิน? และนี้คือสิ่งที่ น.ยอห์นได้เพิ่มเติมเข้าไปว่า "พระองค์ตรัสดังนี้เพื่อทดลองใจเขา” (ข้อที่ 6). คำตอบของฟิลิปแสดงให้เห็นถึงการคำนวนเพียงแต่ตัวเลข คำนวนแต่ทางด้านวัตถุเท่านั้น "ขนมปังสองร้อยเหรียญแจกให้คนละนิดก็ไม่พอ”(ข้อที่7). แต่พระเยซูเจ้าทรงรู้ดีว่าพระองค์ทำอะไร พระองค์ถามคำถามเช่นนี้ เพื่อปลุกความคิดเรื่องเกี่ยวกับวัตถุแต่เพียงอย่างเดียวของฟิลิป
สำหรับอันดรูว์ ความเชื่อสำคัญกว่า พูดขึ้นมาว่า "เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว” (ข้อ 9). อันดรูว์รู้ดีว่า ขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวไปสิ่งที่ไม่มีค่าอะไรเลย ต่อหน้าจำนวน 5000คน นับเฉพาะชาย ยังไม่รวมผู้หญิงและเด็ก
แต่อันดรูว์มีความเชื่อเพียงพอที่จะเห็นว่า ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว เพียงพอสำหรับการเริ่มต้น. บางทีอันดรูว์อาจจะอ้างถึงปลา 2 ตัวกับขนมปัง เพราะท่านจำได้ว่า ที่งานเลี้ยงแต่งงานที่เมืองคานา พระเยซูยังเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นได้เลย ท่านจำได้ว่า พระเยซูมิได้ทำเปลี่ยนน้ำเป็ฯเหล้าจากความว่างเปล่า แต่ทำอัศจรรย์จากบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่ และเป็นหน้าที่ของบรรดาศิษย์ที่จะต้องเป็นผู้จัดหาสิ่งธรรมดาๆ เพื่อพระเยซูเจ้าจะได้ทรงทำอัศจรรย์ได้ เหมือนอย่างการเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น, หรือขนมปังที่จะเลี้ยงคนจำนวนมากๆ
ดังนั้น ความเชื่อไม่ได้หมายความว่า เราไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วก็มองไปที่สวรรค์เพียงอย่างเดียว แทนที่จะทำอย่างนั้น เราต้องเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แม้เป็นเพียงแค่ ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ อัศจรรย์คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน
อัศจรรย์ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทำเพื่อเรา แต่พระองค์ทรงทำร่วมกับเราด้วย
เฮนรี่ ฟอร์ด เคยกล่าวไว้ว่า "ไม่ว่าคุณจะคิดว่าจะทำได้หรือทำไม่ได้ คุณก็ถูกเสมอ"
เช่นกันเราอาจจะบอกได้ว่า ไม่ว่าคุณจะเชื่อในอัศจรรย์หรือไม่ก็ตาม ผู้ที่มีความเชื่อก็สามารถทำให้เกิดอัศจรรย์ในชีวิตของเราได้เสมอ
ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อ ก็ปิดโอกาสของตัวเองที่จะมีประสบการณ์เกี่ยวอัศจรรย์ต่างๆ ดังเช่นที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสไว้เสมอๆ ว่า “จงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อเถิด” (Matthew 9:29)
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)